ตำรวจไซเบอร์ จับกุมเครือข่าย แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกติดตั้งแอปดูดเงิน อ้างเป็นสายการบินดังรับตั๋วเครื่องบินฟรี รวมความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท
สืบเนื่องจาก เมื่อประมาณเดือน ธันวาคม 2565 ผู้เสียหายได้รับโทรศัพท์จากคนร้าย ซึ่งอ้างตัวว่าเป็น เจ้าหน้าที่จากสายการบินไลอ้อนแอร์ โทรมาแจ้งโปรโมชั่น เนื่องจากผู้เสียหายเป็นผู้โชคดีได้รับตั๋วเครื่องบินฟรี และคนร้ายได้เพิ่มเพื่อนเพื่อส่งข้อความมาทางไลน์ แจ้งว่า “เนื่องจากผู้เสียหายเป็นลูกค้าที่ใช้สายการบินนี้บ่อย ช่วงนี้สายการบินมีโปรโมชั่นให้ตั๋วเครื่องบินฟรี 1 ใบ น้ำหนักฟรี 10 กิโลกรัม และมีอาหารฟรี 1 มื้อ ถ้าหากไม่แน่ใจว่าจะบินวันไหนสามารถเก็บคูปองไว้ก่อนได้ โดยต้องโหลดเก็บไว้ในแอปพลิเคชัน แล้ววันไหนพร้อมที่จะบินค่อยนำคูปองมาใช้” ผู้เสียหายมีความสนใจและหลงเชื่อ จึงได้กดลิงค์ตามที่คนร้ายส่งมาให้ ซึ่งลิงค์ดังกล่าวมีลักษณะคล้ายเว็บไซต์ของสายการบินไลอ้อนแอร์ จึงทำการดาวน์โหลดและติดตั้งแอปฯ ของคนร้ายลงไปในเครื่อง หลักจากนั้น ทำตามขั้นตอนที่คนร้ายแจ้งพร้อมทั้งกรอกเลข OTP เข้าไปในแอปฯ ดังกล่าว ภายหลังปรากฎว่าเงินในบัญชีถูกโอนออกไป จำนวน 6 ครั้ง รวมเป็นเงิน 905,051 บาท เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุด
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 เร่งสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย จนเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้
ต่อมา วันที่ 22 ม.ค. 2567 เวลาประมาณ 12.00 น. พ.ต.อ.กฤติน ตปสีโล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 ส่งกำลังชุดสืบสวน นำโดย พ.ต.ท.นพดล บุตรวงษ์ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 เข้าร่วมจับกุมตัว น.ส.วัชรีฯ อายุ 57 ปี ชาวจังหวัดระยอง หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ ตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 3238/2566 ลงวันที่ 22 ก.ย. 2566 ในข้อหา “ร่ร่วมกันลักทรัพย์, ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบและข้อมูลคอมพิวเตอร์ซึ่งมีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน และร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น” โดยควบคุมตัวได้ที่ บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ท่าประดู่ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง
จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหาคนนี้ เป็นบุคคลเฝ้าระวังในเว็บไซต์ Blacklistseller และยังมีความเชื่อมโยงกับการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าวในระบบรับแจ้งความออนไลน์อีก 10 คดี (CaseID) ทำให้มีความเสียหายเพิ่มเติมอีก 1,256,527 บาท รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมด 2,161,578 บาท โดยตำรวจไซเบอร์จะขยายผลจับกุมผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป
เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า เมื่อประมาณเดือน ธันวาคม 2565 มีเพื่อนใน Facebook ได้ทักมาหาตนเพื่อจ้างให้เปิดบัญชีธนาคาร โดยแจ้งว่าเอาบัญชีไปใช้ภายในบ่อนคาสิโน รับรองไม่มีปัญหา ให้เปิดเพียงแค่ 3 เดือน แล้วค่อยทำการปิดบัญชีหรืออายัดบัญชีภายหลัง ตนจึงได้ไปเปิดบัญชีที่ธนาคารใกล้บ้าน แล้วส่งข้อมูลบัญชีที่เปิดใหม่ กับรหัส OTP ให้ผู้ว่าจ้างไปทาง Facebook โดยผู้ว่าจ้างดังกล่าว ให้ค่าจ้างเพียง 1,000 บาท โดยตนไม่ทราบมาก่อนเลยว่าบัญชีของตนถูกนำไปใช้หลอกลวงบุคคลอื่น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการตามกฎหาย และจะเร่งขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป