ตำรวจไซเบอร์ จับกุมเครือข่าย ที่แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากสรรพากร มูลค่าความเสียหายกว่า 162,601 บาท
สืบเนื่องจาก เมื่อประมาณปลายเดือนมีนาคม 2566 ผู้เสียหายได้รับโทรศัพท์โดยมีผู้แอบอ้างว่าเป็น ”เจ้าหน้าที่จากสรรพากร” เรื่องโครงการคนละครึ่ง แล้วเข้าเว็บไซต์ตามที่คนร้ายบอก เพราะไม่อยากไปยื่นเอกสารด้วยตนเอง จึงเลือกที่จะยกเลิกโครงการนี้แบบออนไลน์
จากนั้นให้เข้าเว็บไซต์แล้วใส่ชื่อกับเบอร์โทร แล้วจึงให้ยืนยันตัวตน หลังจากนั้นก็เริ่มทำการดูดเงินออกไปโดยหลอกล่อว่าห้ามใช้โทรศัพท์โดยเด็ดขาด และให้ดูตัวเลขเปอร์เซ็นต์ที่เคลื่อนไหวตลอด พอหลุดก็หลอกล่อให้เข้าแอปธนาคารในโทรศัพท์ทีละแอป เพื่อควบคุมโทรศัพท์และทำการดูดเงินออกจากบัญชีธนาคารของผู้เสียหาย
ภายหลังได้ตรวจสอบพบมีเงินโอนออกจากบัญชีของผู้เสียหายไปยังบัญชีธนาคารของคนร้าย เป็นจำนวนเงิน 162,601 บาท เชื่อว่าถูกหลอกลวงทำให้ได้รับความเสียหาย จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท.และ พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 เร่งสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย จนเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้ เพื่อตัดวงจรการหลอกลวงออนไลน์
ต่อมาวันที่ 19 ก.ย. 2567 เวลาประมาณ 13.30 น. พ.ต.อ.ศุภรฐโชติ จำหงษ์ ผกก.3 บก.สอท.1 ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนนำโดย พ.ต.ท.อลงกรณ์ กนกวรรณ รอง ผกก.3 บก.สอท.1 พ.ต.ท.สุรพล เห็มไธสง สว.ฯ ปรก.กก.3 บก.สอท.1 และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้เข้าร่วมจับกุมตัว น.ส.กานต์ธิดา ล่องกระโทก อายุ 21 ปี ชาวอุทัยธานี หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 3656/2567 ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2567 ในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน และร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ และเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์สินของผู้อื่น และร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และเป็นการกระทำเกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกให้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้ เพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้าค่าบริการหรือหนี้อื่นใดแทนการชำระด้วยเงินสดหรือใช้เบิกถอนเงินสด” โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณ ริมถนนบ้านไร่-ลานสัก ม.3 ต.เจ้าวัด อ.บ้านไร่ จว.อุทัยธานี
เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า ตนได้รับจ้างเปิดบัญชีจริง แต่ตนไม่ทราบเลยว่าบุคคลใดนำบัญชีตนไปใช้หลอกลวงบุคคลอื่น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงควบคุมตัว นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหาย และจะเร่งขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป