เคราะห์ซ้ำ อดีต ผจก.ทีมฟุตบอลดัง หลังลาออกเพราะนักเตะเมาแล้วขับ ล่าสุด แม่ขับชนคนตายแล้วหนี ญาติเหยื่อขอเยียวยา 1 ล้าน จะจ่ายให้ 3 แสน

ย้อนกลับไปคดีใหญ่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กรณีของนักเตะทีมชลบุรีเอฟซี เมาแล้วขับชนคนเสียชีวิต ทำให้ “เสี่ยบอล”นายศศิศ สิงห์โตทอง ผู้จัดการทีมชลบุรี เอฟซี ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการประกาศลาออกจากตำแหน่ง

     ต่อมา นายเอกชัย ไปร้องเรียนกับ “จ่าพิชิต Drama-Addict” ว่าเกิดเหตุมี คนขับรถชนคนตายแล้วหนี อีกเคสที่ชลบุรี เหตุเกิดพื้นที่ สภ.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี โดยกล่าวหาว่า ผู้ขับขี่รถที่ขับรถชน คือแม่ของคุณศศิศ สิงห์โตทอง นั่นเอง  

      รายการโหนกระแสจึงได้เชิญกลุ่มตัวแทนของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว มาร่วมพูดคุยในรายการ

        นายเอกชัย ผู้ที่ช่วยติดตามคดีความเล่าเหตุการณ์ว่า เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 65 ที่ผ่านมา “ป้าริน”อายุประมาณ 60 ปี ขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านไปตลาด ระหว่างทางถูกรถ SUV สีขาว พุ่งมาชนจากด้านหลังจนรถมอเตอร์ไซค์กระเด็น 2 ตลบ ร่างของ “ป้าริน” กระแทกศีรษะปักพื้น ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล โดยที่รถคันที่ชนไม่หยุดลงมาดูแม้แต่น้อย กลับขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว  หลังเกิดเหตุ มีคนเห็นเหตุการณ์จำนวนมาก มีคนจดเลขทะเบียนรถเอาไว้ได้ และบอกว่าได้ให้ตำรวจไปทันทีตั้งแต่หลังเกิดเหตุ แต่เมื่อญาติไปติดตาม ตำรวจบอกว่าไม่มีใครให้อะไรมา จนกระทั่งพวกตนได้ไปเจอพี่นักข่าวท้องถิ่น เขาบอกว่าถ่ายรูปเอาไว้พอดี เป็นข้อมูลทะเบียนรถคันที่ชน

พวกตนจึงนำทะเบียนรถไปสืบค้นจนเจอชื่อเจ้าของรถ คือ นายศศิน สิงห์โตทอง ได้เบอร์โทรติดต่อ และข้อมูลสำคัญอื่นๆ มาครบถ้วน จึงนำข้อมูลเหล่านี้ไปมอบให้ตำรวจ เขาก็บอกเพียงว่า เดี๋ยวจะออกหมายเรียก   ปรากฎว่าทางคู่กรณีไปปรากฎตัวที่โรงพัก แม่ของนายศศิน(เจ้าของรถ) รับสารภาพว่าเป็นคนขับรถของลูกชายไปชนคนเสียชีวิตเอง แต่ที่ไม่ยอมหยุดเพราะตกใจ และหนีมาตั้งหลัก ต่อมาทางคู่กรณีก็มาที่งานศพของป้าริน เขาช่วยเหลือก่อน 2 หมื่นบาท ทางครอบครัวเรียกร้องค่าเสียหายไป 1 ล้านบาท แต่ทางผู้ก่อเหตุยืนยันว่าจ่ายให้ได้เพียง 3 แสนบาท ซึ่งตรงนี้ยังตกลงกันไม่ได้ ต้องนัดไกล่เกลี่ยกันอีกรอบ

      ทนายแก้วให้ความรู้ทางกฎหมายว่า ทั้งในกรณีการชนแล้วหนีไม่หยุดรถลงมาดูหรือให้การช่วยเหลือผู้ถูกชน รวมทั้งการขับรถด้วยความประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตเป็นความผิดอาญา ซึ่งก็เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งทางญาติของผู้เสียชีวิตก็ยังสามารถเรียกร้องความเสียหายในทางแพ่งได้อีก

       ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เสม็ด ที่เบื้องต้นบอกกับทางรายการว่าเตรียมข้อมูลอยู่ ล่าสุดช่วงท้ายรายการไม่สามารถติดต่อได้แล้ว ทำให้หนุ่ม กรรชัย ถึงกับต้องออกปากว่า บรรทัดฐานของสังคมมันกำลังจะเปลี่ยน กลายเป็นว่าต่อจากนี้มีเรื่องอะไรคนก็ต้องมาถามหาสื่อ  แทนที่ตำรวจควรจะต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน แต่เคสนี้ญาติผู้เสียชีวิตต้องไปตามย่อยข้อมูลมาให้ทั้งหมด ทั้งที่เป็นหน้าที่ของตำรวจ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *