ผู้การสืบภ.2 ตามเช็คบิล “เสี่ยเอี๋ยว” ไหว้สวย”เจ้าของคลับวันพัทยา เชื่อเป็นคนจีน ประสานมหาดไทย ถอนสัญชาติไทย

    “ผู้การหมอ” พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2  ซึ่งได้รับมอบหมายจาก “บิ๊กอิท”พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 ให้เป็นผู้ติดตามคดีปลอมแปลง สวมบัตรประชาชนของคนจีนต่างด้าว ที่สวมบัตรปชช.คนไทย ภายหลังจากจนท.ตร.ได้สงสัยว่า “เสี่ยเอี๋ยว”นายนิติพัฒน์ โชคชัยธนพร เจ้าของคลับวันพัทยา ที่ออกมาโวยวายเบ่งใส่จนท.ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ขณะถูกตรวจค้นและจับกุม สถาบบันเทิงคลับวันพัทยา ซึ่งเปิดบริการลูกค้าเกินเวลา ไม่มีใบอนุญาต และปล่อยให้มีการมั่วสุมยาเสพติด

โดย พ.ต.อ.นิพนธ์ ป้อมสนาม ผกก.สอบสวนสภ.บางละมุง ได้ขอหมายศาลจังหวัดพัทยา ออกหมายจับ  นายนิติพัฒน์ หรือเอี่ยว หรือเสี่ยเอี๋ยว โชคชัยธนพร กล่าวหาว่าเป็นคนต่างด้าวไม่ทราบสัญชาติ เชื้อชาติจีนได้แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในประวัติทะเบียนราษฎรอันเป็นเอกสารราชการ เพื่อแอบอ้างว่าเป็นคนไทย โดยมีวัตถุประสงค์ใช้เป็นพยานหลักฐานทำนิติกรรมต่างๆ  และในวันที่ 22 กพ.64 ได้ขอมีบัตรปชข.ใหม่  เนื่องจากบัตรหมดอายุ ณ ที่ว่าการอำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นการกระทำความผิดอาญา ซึ่งมีโทษจำคุกอย่างสูง

ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 1 พ.ย. 65 พล.ต.ต.ธีระชัย ชํานาญหมอ ผบก.สส.ภาค2 พร้อมด้วย หน่วยคอมมานโด บูรพา 491 ถือหมายจับ 487/2565 ศาลจังหวัดพัทยา ได้จับกุม นายนิติพัฒน์ โชคชัยธนพร อายุ 45 ปี หรือเสี่ยเอี๋ยว จับกุมได้ ที่หน้าศาลจังหวัดพัทยา ระหว่างที่ เสี่ยเอี๋ยว เพิ่งออกจากการพิจารณาคดีเก่า “ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ประเภท ​2​ (คีตามีน​)​ ไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต​ โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า​ และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป​ ได้กระทำความผิดร้ายแรง​เกี่ยวกับยาเสพติด​เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน​ ตร.สืบสวนภ.2 ได้คุมตัวมายัง สภ.เมืองพัทยาเพื่อสอบปากคำ  ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนสภ.บางละมุง 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพล.ต.ต.ธีระชัย ได้เริ่มแกะรอยสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนพบว่า เสี่ยเอี๋ยว ได้ใช้ชื่อว่า “นายนิติพัฒน์ โชคชัยธนพร” เลขบัตรประจำตัวประชาชน 2 2399 00018 47 2 ไม่ใช่บุคคลตามทะเบียนราษฎร์จริง ประกอบกับได้บันทึกถ้อยคำ “นางม่วย  อิฐสมบูรณ์” มารดาของ นายนิติพัฒน์ หรือเสี่ยเอี๋ยว (ตามฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์) และนางสุนีย์ อิฐสมบูรณ์ อายุ 44 ปี พี่น้องต่างมารดา (ตามฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์) แล้วให้ถ้อยคำตรงกันว่าไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้านายนิติพัฒน์ฯ มาก่อน จึงทำให้ตำรวจมั่นว่า “เสี่ยเอี๋ยว” มีการสวมชื่อบัตรประชาชนของคนอื่น เพื่อมีบัตรประชาชนไทยไว้ในความครอบครอง และแสดงตัวตนว่าตัวเองเป็นคนไทย ตำรวจจึงรวบรวมหลักฐาน จนออกหมายจับ

   สำหรับความคืบหน้าของคดีดังกล่าว พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 กล่าวว่า “จากการตรวจสอบพบว่าเป็นการสวมบัตรปชช. น่าจะเป็นคนจีนประเทศจีน มาสวมบัตรปชช.คนไทยโดยมีจนท.รัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง.ผบ.ตร. ก็เข้ามาดูคดีนี้อย่างใกล้ชิด อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ดำเนินการให้รอบคอบ รอบด้าน ตอนนี้ทุกภาคส่วนก็ร่วมกัน ในส่วนตัวของ “เสี่ยเอี๋ยว”นั้นก็ถูกแจ้งข้อหาฝากขังไปแล้ว อยู่ในอำนาจควบคุมของศาลจังหวัดพัทยา บัตรประชาชนกรณีนี้มันเป็นกรณีผิดปรกติ ไม่ใช่กรณีสวมบัตรคนตายเป็นกรณีที่สร้างเลขบัตรปชช.ขึ้นมาโดยไม่ปรกติ พอเลขบัตรปชช.ขึ้นมาโดยจนท.ตั้ง เลข13 หลักขึ้นมาก็เอามาสวมเลยตั้งต้นขึ้นมาแบบผิดปรกติไม่ใช่การสวมบัตรคนตายหรือคนที่มีชีวิตอยู่ วิธีการก็คือตั้งเลขบัตรประชาชนขึ้นมาเลยโดยที่ไม่มีตัวตนที่แท้จริง  บัตรที่เขาถือออกมาเป็นบัตรที่ทางราชการออกมาโดยถูกต้อง แต่ข้อมูลที่เขาแจ้งเกิดตั้งแต่แรกเป็นข้อมูลเท็จ เพราะฉะนั้นมันจะไม่เป็นการปลอมเอกสารราชการ มันจะเป็นการแจ้งความเท็จให้เจ้าพนักงานจดข้อความในเอกสารเท็จ ขั้นตอนต่อไปก็รวบรวมพยานหลักฐานส่งอัยการฟ้องต่อศาล ก็ต้องทำเรื่องถอนสัญชาติอยู่ระหว่างประสานกับทางมหาดไทย เพื่อถอนสัญชาติและพิสูจน์สัญชาติต่อไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *