“ลุงแกละ”ดีใจรัฐบาลพื้นความสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ แรงงานไทยมีงานทำ ภูมิใจรัฐบาล-เจ้าชายเชิญ
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 27 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ “บ่อน้ำลุงแกละ”เลขที่ 12/10 ม.5 ต.เหมือง อ.เมือง จ.ชลบุรี ซึ่งเปิดเป็นธุรกิจขายน้ำของ “ลุงแกละ”นายวิเชียร ชมกลิ่น อายุ 79 ปี บิดาของ “รมต.เฮ้ง”นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.กระทรวงแรงงาน เพื่อสอบถามเรื่องราวในช่วงประมาณ 37 ปีก่อน ที่เคยเดินทางไปทำงานที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย นายวิเชียร หรือที่ชาวบ้านตลาดหนองมนและชาวบ้านเหมือง เรียกกันติดปากว่า “ลุงแกละ” ได้เล่าถึงเรื่องราวของการเดินทางไปทำงานที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ในช่วงประมาณปี 2528 ว่า
“สาเหตุที่ไปก็เพราะเงินทางเราไม่คล่องตัว เราก็ยากจน อาชีพเราคือทำนา-ทำไร่ เราก็ลำบาก ก็คิดว่าถ้ามีเงินสักก้อนลูกเราจะได้ร่ำเรียนต่อ จะได้ไม่ลำบากเหมือนพ่อแม่ ก็เลยตัดสินใจหยุดทำไร่ครั้งแรกก็ไปทำงานที่ประเทศกาตาร์ ทำงานเป็นช่างไม้ได้ประมาณ 1 ปีกว่า ๆ ก็กลับมา พอกลับมาก็ดิ้นรนไปใหม่อีก ทีนี้ก็ไปประเทศซาอุอาระเบีย ตามคำชวนของเพื่อนบ้าน ในช่วงนั้นก็มีแรงงานไทยไปทำงานที่ซาอุฯเยอะมาก แต่การเดินทางไปทำงานที่ซาอุฯ ก็ต้องเสียค่านายหน้าให้บริษัทจัดหางาน ประมาณ 2 หมื่น เราก็ไปติดต่อเองไปหาบริษัทเองดูที่เขาไม่โกงเรา สมัยนั้นได้ค่าแรง 400 ดอลลาร์ แต่ว่าเราโชคดี เพราะเงินดอลลาร์มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 20 กว่าบาท เป็น 30 กว่าบาท ก็มีโอทีบังคับวันละ 2 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ไปปีแรกก็ไปสร้างเรดาร์ ลูกกลมๆ ใหญ่ๆ พอปีที่ 2 เราก็ไปสร้างสนามกีฬาฟุตบอลที่กรุงริยาด เมืองหลวง ได้ทำงานเกี่ยวกับระบบไฟก็ไปเป็นลูกน้องเขา
แต่ช่วงปีแรกที่ไปประเทศซาอุฯ ก็ย้ายไปหลายจังหวัดเหนื่อยมาก เพราะมันต้องออกทะเลทรายกลางแจ้ง ขึ้นรถก็ต้องแย่งกัน วิ่งขึ้นรถก็แย่งกันก็มีตีกันบ้าง เพราะแรงงานมาจากหลายหลายประเทศ ฟิลิปปินส์ ไทย ปากีสถาน ตุรกี ศรีลังกา ชีวิตแรงงานไทยที่ทำงานในสมัยนั้นลำบาก แต่ก็เขียนจดหมายมาบอกกับทางบ้านว่าไม่ลำบาก เพราะถึงบอกว่าลำบากเขาก็ช่วยอะไรเราไม่ได้ ให้เขาสบายใจดีกว่าเขาจะได้ไม่ทุกข์ร้อนไปกับเรา แต่เราก็ไม่อยากจะบอกว่าลำบากแค่ไหน เวลาร้อนก็ร้อนแทบตายอยู่ในร่มนี่ก็ร้อน เพราะลมมันร้อน เวลาหนาวน้ำในกระป๋องเทลงไปบนไม้กระดาน มันจะเป็นน้ำแข็ง อุณหภูมิติดลบ 2 องศา ช่วงนั้นประเทศซาอุฯ มองดูแล้วก็ไม่ได้เจริญมากอะไร ตอนที่ไปอายุประมาณ 40 ปี ตอนนี้ก็ 79 ปี
ส่วน รมต.สุชาติ ก็อายุได้ 6-7 ขวบ แต่เขาก็รู้เรื่องแล้วนะ ก็บอกลูกๆว่าพ่อไปทำงานที่ประเทศซาอุฯ ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าได้มีโอกาสกลับไปที่ประเทศซาอุฯอีกครั้งยังจะจำสถานที่ ๆ เคยไปทำงานได้หรือไม่ “ลุงแกละ”กล่าวว่า “จำง่าย สถานที่มันคล้าย ๆโดม เป็นเหมือนกับดอกบัวที่จีบกันไว้รอบ ๆ มันจะมีที่ว่างอยู่ตรงกลาง ทำเป็นคลื่นตลอดรอบสนาม ริมสนามก็มีขอบลู่วิ่ง แต่สนามก็ปลูกด้วยหญ้าจริงเป็นหญ้าแพรก เดินท่อน้ำใต้สนาม ไฟเยอะเป็นร้อย ๆ ดวง สนามเขาสวยมาก ผู้สื่อข่าวถามว่า คนซาอุฯใจดีหรือไม่ “ลุงแกละ”ตอบว่า “เขาก็ไม่เคยอะไรเรา ๆ ก็ไม่เคยไปอะไรกับเขาแต่เราต้องรู้ขนบธรรมเนียมประเพณีเขา ๆ ไม่ชอบอะไรเราก็อย่าไปทำ มันก็มีนะอย่างคนไปขโมยของเขาจับได้ก็จะตัดแขน เลาะข้อมือไปแขวนประจานไว้ ผู้สื่อข่าวถามว่า ดีใจหรือไม่ที่รัฐบาลมีนโยบายจะฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศซาอุฯ “ลุงแกละ”กล่าวว่า “ดีซิครับเพราะคนไทยจะได้มีงานทำอีกเยอะ อยู่เมืองไทยทำงานได้หมื่นกว่าแต่ถ้าไปทำงานที่โน่นก็มีรายได้เพิ่มอีก 2 เท่า สำหรับพวกที่ไม่มีความรู้จบป.4 คนจบสูงก็ไปเป็นโฟรโมน แต่ก็เตือนไว้ว่าไปทำงานแล้วอย่าหลงระเริง อย่าไปเล่นการพนัน ถ้ารัฐบาลทำสำเร็จจะดีๆ มากถ้าสามารถติดต่อได้ เพราะที่ผ่านมาไม่มีรัฐบาลไหนที่ติดต่อไปเลย ในส่วนตัวผมก็ภูมิใจมากนะในส่วนที่ลูกชายซึ่งมีตำแหน่งเป็น รมต.แรงงาน ได้มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ ก็ขอให้สำเร็จ ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ามีโอกาสจะไปประเทศซาอุฯอีกไหม “ลุงแกละ”ตอบว่า “ขนาดรัฐบาลประเทศซาอุดิอาระเบียเขาเชิญ เจ้าชายฯ เชิญ ถ้าเขาเชิญมาเราก็อาจจะไป แต่รู้สึกดีใจและภูมิใจมากที่เขาเชิญ”
“ลุงแกละ”ได้เล่าเรื่องราวต่ออีกว่า “เมื่อกลับมาจากซาอุฯ ก็ไปเป็นยามที่ แฮปปี้เวิลด์ อาบอบนวด อีก 10 กว่าปี ก็ขายล็อตเตอรี่ไปด้วย แฟนผม แม่ของ รมต.สุชาติ ก็เข็นรถขายกล้วยปิ้ง-ขนมครก ก็ทำให้พอใช้พอกิน เงินก็เก็บไว้ให้ลูกเรียน 4 คน มันก็ใช้เงินเยอะ เมื่อก่อนเคยซื้อไร่ไว้ที่ อ.แกลง จ.ระยอง 100 ไร่ แต่ก็ไม่คิดให้ลูกไปทำไร่อะไร เพราะถ้าหากไปทำไร่ ก็ต้องมีครอบครัวเป็นชาวไร่ ก็ต้องลำบากต่อไปอีก ก็ต้องย้ายเข้าไปในป่าอีก ก็เลยขายไปเอาเงินเก็บไว้ให้ลูกเรียน ตอนนี้ก็มาทำธุรกิจสูบน้ำขาย มีรายได้นิด ๆหน่อย ๆ ก็ไม่เป็นไร มีคนช่วยเพราะเราทำไม่ค่อยไหวแล้ว
ธนา ธรรมวาจา / เจียรพรรณ สุรนันท์ รายงาน