ปิดตำนาน“อดีตนักเลงดังเมืองชล” “ผู้ใหญ่อ้น”หลานชาย“กำนันยูร” ผู้ลั่นกระสุนปลิดชีพ“รองไชยยันต์”
เมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 29 เม.ย.65 ที่ภายในบ้านพักนายวัชรพงศ์ เฟื่องฟูผล ต.นาป่า อ.เมือง จ.ชลบุรี มีเสียงร่ำไห้กันลั่นบ้าน เมื่อร่างของ นายวัชรพงศ์ ล้มฟุบอยู่ภายในห้องน้ำด้วยอาการของโรคหัวใจวายเฉียบพลัน ญาติพี่น้องพยายามนำตัวนายวัชรพงศ์ ส่งโรงพยาบาลเพื่อช่วยชีวิต แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถยื้อชีวิต นายวัชรพงศ์ ไว้ได้
ถ้าจะเอ่ยถึงชื่อนายวัชรพงศ์ เชื่อว่าไม่มีใครรู้จัก แต่ถ้าจะเอ่ยถึง “ผู้ใหญ่อ้น”นายเลิศชาย กาะระกิจ อดีตผู้ใหญ่บ้านคนดัง ต.เสม็ด ในแวดวงการนักเลงเมืองชลต่างรู้จักกันดี เพราะ “ผู้ใหญ่อ้น”ถือว่าเป็น “อดีตนักเลงชื่อดัง”อันดับต้น ๆ ของเมืองชลในยุคที่ “ชลบุรีเต็มไปด้วยซุ้มมือปืน”
“ผู้ใหญ่อ้น”เปลี่ยนชื่อและนามสกุล หลังพ้นโทษออกมาจากเรือนจำ ในคดีฆ่า พ.ต.ท.ไชยยันต์ วิชัยดิษฐ์ รอง.ผกก.5 บก.อก.ภ.2 เพื่อไม่ต้องการให้มีการตามล่าล้างแค้นของคู่อริฝ่ายตรงข้าม
ย้อนประวัติ“ผู้ใหญ่อ้น”นายเลิศชาย การะกิจ หนุ่มใหญ่วัย 50 กว่า ๆ เกิดและโตมาจากบ้านเสม็ดใน(ดงตาล) แถววัดเตาปูน ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี เป็นหลาน “กำนันยูร”นายประยูร สิทธิโชติ อดีตกำนันต.เสม็ด และ “ยุทธเป๋”นายประยุทธ สิทธิโชติ 1 ในกลุ่มมือปืนที่เคยตกเป็นผู้ต้องหา พร้อมกับ พ.ต.ท.ไชยยันต์ ในข้อหาใช้อาวุธปืนสงคราม ถล่มฆ่า “เสี่ยฮวด”นายพิพัฒน์ โรจน์วาณิชชากร “เจ้าพ่อบ้านบึง”
“ผู้ใหญ่อ้น”จึงได้รับการสนับสนุนจาก “กำนันยูร”ให้เป็นผู้ใหญ่บ้าน ม.4 ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี
“ผู้ใหญ่อ้น” เริ่มมีชื่อเสียงในแวดวงการนักเลงเพราะไปอยู่ในซุ้ม“จ่าเดช”ส.ต.ต.ศิริเดช ดวงจำ และ “จ่าตี๋”ด.ต.วันไชย วิเศษชัย ยะ “จ่าคิด”ส.ต.อ.สมคิด แตงตุ้ม 3 อดีตตำรวจนอกราชการที่มีความกว้างในแวดวงการนักเลง- มือปืนชลบุรี จนได้รับความวางใจให้เป็นคนติดตาม “กำนันเป๊าะ”นายสมชาย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเทศบาลต.แสนสุข อยู่ช่วงหนึ่ง
ต่อมาตำแหน่ง“กำนันต.เสม็ด”ว่างลง เนื่องจาก “กำนันยูร”ได้รับการเลือกตั้งให้เป็น “นายกอบต.เสม็ด” ทำให้ “ผู้ใหญ่อ้น”วางเป้าหมายเป็น “กำนัน ต.เสม็ด” แต่ก็ต้องพบกับขวากหนามสำคัญเพราะ “ผู้ใหญ่นัย”นายวินัย พ้นภัยพาล ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 ต.เสม็ด ที่อยู่ภายใต้ชายคา“ซุ้มบ้านใหญ่บางแสน” มี “กำนันน้อง”นายวัฒนา ตั้งประกอบ น้องเขย “กำนันเป๊าะ”ให้การสนับสนุน ก็อยากจะนั่งเก้าอี้ “กำนันต.เสม็ด”เช่นกัน
จึงเกิดรายการ “ช้างชนช้าง” ชิงเก้าอี้ “กำนันต.เสม็ด” เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2542 ระหว่าง “ผู้ใหญ่อ้น”กับ “ผู้ใหญ่นัย ซึ่งต่างฝ่ายต่างเป็น “เด็กบ้านใหญ่”ด้วยกันทั้งคู่
ผลการเลือกตั้งปรากฏว่า “ผู้ใหญ่นัย”ได้รับชัยชนะไปแบบต้องออกกำลังภายใน จึงได้นั่งเก้าอี้ “กำนันต.เสม็ด”ต่อคิวจาก “กำนันยูร”สร้างความเจ็บใจให้กับ“ผู้ใหญ่อ้น”พอประมาณ
หลังจากพ่ายแพ้การเลือกตั้งไม่นาน “ผู้ใหญ่อ้น”ก็ต้องออกจากหน้าที่เป็นคนติดตาม “กำนันเป๊าะ” สาเหตุเป็นเพราะมีคนใกล้ชิด “ผู้กว้างขวางภาคตะวันออก” ไปพูดเป่าหูทำนองว่า “กำนันยูร”กำลังเตรียมการใหญ่มีการซ่องสุมกำลังมือปืนและนักเลง เพื่อต้องการโค่นล้ม “เจ้าพ่อ” โดยมี “ยุทธเป๋”นายประยุทธ สิทธิโชติ กับ “เสือเนียร”นายปัญญา ฮุ้ยเวง 2 มือปืนชื่อดังเป็นหัวเรือใหญ่
ข่าวการบาดหมาง ทำให้ “กำนันยูร”ต้องกบดานอยู่ในถ้ำบ้านเสม็ด ไม่กล้าไปออกงาน ไปไหนมาไหนก็ต้องระมัดระวังตัว เพราะรู้ข่าวว่ามี “กลุ่มมือปืน”หลายซุ้มตามไล่ล่าเอาชีวิต จนกระทั่งกลางดึกวันที่ 11 ส.ค.43 “ยุทธเป๋”นายประยุทธ สิทธิโชติ กับ “เสือเนียร”นายปัญญา ฮุ้ยเวง ก็ถูกตัดตอนโดยกลุ่มชายฉกรรจ์หลายสิบคน อุ้ม “ยุทธเป๋”และ “เสือเนียร” มัดมือมัดปากนำตัวออกมาจากห้องคาราโอเกะ ภายในสถานบริการแกแล็คซี่บางแสน หายไปในกลีบเมฆ หลังจากเกิดเหตุได้ไม่นาน พล.ต.ต.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผบก.ชลบุรี ได้นำกำลังตร.เดินทางมาตรวจสภาพที่เกิดเหตุ
ข่าวการหายสาบสูญของ “ยุทธเป๋”กับ “เสือเนียร”ทำให้ “ผู้ใหญ่อ้น”กับ “เสี่ยโย”นายโยธิน สิทธิโชติ ลูกชาย “ยุทธเป๋”มั่นใจว่าเป็นฝีมือของคนมีสี และยังได้ข่าวคราวว่า “คนในเครื่องแบบ” ได้ประกาศกร้าวว่า เจอ “ผู้ใหญ่อ้น”ที่ไหนให้ฆ่าทิ้งได้ทันที ทำให้ “ผู้ใหญ่อ้น” ต้องหลบหนีออกไปหลบซ่อนตัวที่ต่างจังหวัด
กลางดึกของคืนวันที่ 13 ส.ค.45 พ.ต.ท.ไชยยันต์ วิชัยดิษฐ์ รอง.ผกก.5 บก.อก.ภ.2 ได้ขับรถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์วี สีตะกั่ว ทะเบียนป้ายแดง ฉ 2626 ชลบุรี ไปยังสถานบริการเบอร์ด๊อกผับ บางแสน เพื่อตามหาลูกชาย แต่ไม่เจอตัวก็นั่งดื่มกินจนกระทั่งผับปิดเวลา เวลา 02.00 น.จึงได้เดินออกมาจากผับ ไปยังจุดที่รถยนต์จอด ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม จังหวะก็ขับรถออกมาอย่างช้า ๆ นั้นเอง ได้มีรถยนต์กระบะสีเขียว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับประกบคนนั่งข้างคนขับได้เปิดกระจกแล้วลั่นกระสุนใส่ พ.ต.ท.ไชยยันต์ 5 นัดซ้อนทันที ก่อนขับหลบหนีไปทางถนนบางแสนสาย 2 พ.ต.ท.ไชยยันต์ ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยังฝืนใจขับรถต่อจนรถเสียหลักไปชนเกาะกลางถนน แต่ก็ยังแข็งใจเปิดประตูลงมาจากรถ ก่อนจะควักอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม.ยิงโต้ตอบไป 1 นัด ก่อนล้มฟุบ ส.ต.ต.สมชาย บุญเชิญ ตร.สภ.แสนสุข เผชิญเหตุได้ให้ความช่วยเหลือนำตัวส่ง รพ.ม.บูรพา แต่สุดท้าย พ.ต.ท.ไชยยันต์ ก็ไม่รอดชีวิต เพราะถูกคมกระสุนขนาด 11 ม.ม.เข้าที่จุดสำคัญโคนแขนขวา กระสุนทะลุปอด
ข่าวคราวการเสียชีวิตของ พ.ต.ท.ไชยยันต์ นักเลงในเครื่องแบบเบอร์ 1 ของจังหวัดชลบุรี ถูกสำนักข่าวตีข่าวดังไปทั่วประเทศไทย เป็นที่โจษขานกันว่า “เมืองชล คนนักเลง” เป็นเรื่องจริง และเชื่อว่าการเข่นฆ่าล้างแค้นก็ยังจะเกิดขึ้นต่อไป
“ผู้ใหญ่อ้น”นายเลิศชาย การะกิจ พร้อม “นายโย”นายโยธิน สิทธิโชติ ลูกชาย “ยุทธเป๋”นายถูกศาลจังหวัดชลบุรีออกหมายจับ โดย ตร.กองปราบสามารถจับกุมตัว “ผู้ใหญ่อ้น”ขณะหลบหนีได้ที่จ.ลำปาง ส่วนนายโยธิน ได้หลบหนีไป มามอบตัวในปี 2550
“ผู้ใหญ่อ้น”รับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือสังหาร พ.ต.ท.ไชยยันต์ จริง เพราะโกรธแค้นที่เชื่อว่าเป็นคนบงการอุ้ม “ยุทธเป๋”กับ “เสือเนียร”และมีความจำเป็นที่ต้องชิงฆ่าพ.ต.ท.ไชยยันต์ ก่อน เพราะถ้าไม่ลงมือฆ่า พ.ต.ท.ไชยยันต์ ก็จะติดตามฆ่าตนเอง
ศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินลงโทษประหารชีวิต “ผู้ใหญ่อ้น” ต่อมารับสารภาพจึงได้รับการลดโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิตและสุดท้ายได้รับการลดโทษจนกระทั่งได้ออกมาจากคุก หลังจากถูกจำคุกในเรือนจำกว่า 10 ปี
เมื่อพ้นโทษ “ผู้ใหญ่อ้น”ได้รับความช่วยเหลือจาก “กำนันนิตย์”นายมานิตย์ ภาวสุทธิ์ อดีตส.ส.ชลบุรี ซึ่งเป็นเพื่อนรัก ได้ให้เครื่องจักรกลหนักไปทำมาหากิน “ผู้ใหญ่อ้น”จึงได้ผันตัวมาประกอบอาชีพรับเหมาถมที่ดิน มีรถแบ็คโฮให้เช่า หันหลังให้กับ “วงการนักเลงเมืองชล”โดยสิ้นเชิง ปิดตำนาน “นักเลงเมืองชล”
แต่สุดท้ายต้องมาเสียชีวิตจากโรคหัวใจล้มเหลว ขอให้ดวงวิญญาณ “ผู้ใหญ่อ้น”นายวัชรพงศ์ เฟื่องฟูผล จงไปสู่สุขคติ ปิดตำนาน “นักเลงดังเมืองชล”