ระยอง-ชลบุรี ต้องรอดโควิด 19 “ลุงตู่ -ผบ.ตร.“เข้มลงพื้นที่แก้ปัญหา สธ-ปกครอง-ตร.”บูรณาการทำงาน”

ระยอง-ชลบุรี ต้องรอดโควิด 19 “ลุงตู่ -ผบ.ตร.“เข้มลงพื้นที่แก้ปัญหา สธ-ปกครอง-ตร.”บูรณาการทำงาน”

แม้ว่าประชาชนในจังหวัดระยอง-จังหวัดชลบุรี จะหวาดวิตกกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด 2 จังหวัดรวมตัวเลขแตะยอดประมาณกว่า​ 500​ ราย แต่มีก็แนวโน้มในทิศทางที่ดี คือจำนวนผู้ติดเชื้อเริ่มมีจำนวนลดลงกว่าในช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาด 
จำนวนประชากรจริง และประชากรแฝง ตั้งแต่ที่ทำงาน มาท่องเที่ยว ทั้งจังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง  ตัวเลขรวมแล้วไม่น่าจะไม่ต่ำกว่า 4-5 ล้านคน  

        ฉะนั้นถ้าจะเทียบเป็นอัตราส่วนจากจำนวนประชากรกับผู้ที่ติดเชื้อโควิด 19 นั้น ยังถือว่าพอรับได้  ที่บอกว่าพอรับได้นั้น ไม่ได้หมายถึงอยากให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด 19 มากกว่านี้ เพียงแต่แสดงให้เห็นว่าจำนวนประชากรทั้ง 2 จังหวัดกับประชากรที่ติดเชื้อนั้นชี้ให้เห็นว่า “รัฐบาลลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีทิศทางที่จะจัดการกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดในพื้นที่ภาคตะวันออกได้ 

        จะเห็นได้ว่าหลังจากพบว่ามีการแพร่ระบาดติดเชื้อ “ลุงตู่”ได้สั่งการให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดมีการ “บูรณาการ” การทำงานร่วมกันเป็นทีม ตั้งแต่ รัฐมนตรีสาธารณสุข ผู้ว่าราชการจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด สาธารณสุขอำเภอ นายอำเภอ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ทำงานกันชนิดหามรุ่งหามค่ำ

        ประเด็นสำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คือ “ประชาชนไม่หวาดวิตก ไม่หวาดกลัวกับการแพร่ระบาดของโควิดมากจนเกินไป” สาเหตุเกิดจากรัฐบาลและจังหวัดได้มีการประชาสัมพันธ์ถึงพื้นที่จุดเสี่ยงรวดเร็วและชัดเจน   ทำให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลจากสื่อมวลชนที่ช่วยกันกระจายข่าวได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง   จึงมีการดูแลตัวเองไม่เข้าไปในพื้นที่จุดเสี่ยง  อีกทั้งประชาชนส่วนใหญ่มีความรับผิดชอบสังคมมีการสวมใส่แมสก์ในที่สาธารณะ จึงเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อเป็นอย่างดี

         การลงพื้นที่ของ “ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  จังหวัดระยองและจังหวัดชลบุรี ในช่วงเวลาวิกฤตเพื่อปลอบขวัญให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติ  รวมไปถึงการออกพบปะให้กำลังใจประชาชน 2 จังหวัดในพื้นที่เสี่ยง ยิ่งทำให้ประชาชนชาวระยองและชาวชลบุรีมีความเชื่อมั่นว่า “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  จะแก้ปัญหากับวิกฤตการณ์ครั้งนี้ได้แน่ 

        ควบคู่ไปกับการทำงานคู่ขนานของ “เดอะปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ที่มอบหมายให้  พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ส่ง “เดอะอ๋อย”พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ หัวหน้าจเรตำรวจ ที่เชี่ยวชาญในพื้นที่ ภ.2 ลงพื้นที่สกรีนตรวจสอบเรื่องบ่อนพนันในพื้นที่ภาคตะวันออก ตั้งแต่ ระยอง ชลบุรี จันทบุรี ตราด 

       ชี้ให้เห็นว่า “เดอะปั๊ด”ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ปัญหา ภายในองค์กรตำรวจ ที่ตัวเองเป็น ผบ.หน่วยคุมกำลังตำรวจทั่วประเทศกว่า 3 แสนนาย จะให้คลีน 100 %  เป็นเรื่องยาก 

       ก่อนหน้า“เดอะปั๊ด”พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ก็ได้กล่าวมอบนโยบายให้กับนายตำรวจระดับ รอง.ผบก.-ผกก.ที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ ในคำสั่งแต่งตั้ง-โยกย้าย ประจำปี 63 โดยมีบางช่วงบางตอนได้กล่าวถึงเรื่องอบายมุขว่า “เรื่องอบายมุขท่านต้องไปสำรวจตรวจสอบก่อนที่มันจะมีเรื่อง อบายมุขเป็นของคู่สังคมคู่โลก มันไม่มีใครทำให้หมดไปถ้ามนุษย์ยังมีอยู่ ถ้ามนุษย์ยังมีกิเลสอยู่อบายมุขเป็นของคู่กัน แต่สำคัญคือว่าตำรวจอย่าเป็นคนไปสร้างอบายมุข ถ้ามันเกิดขึ้นตามธรรมชาติก็ขอให้มันเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ท่านต้องควบคุมให้มันเกิดให้น้อยที่สุด ผมไม่ได้บอกว่าให้ท่านไปปราบปรามจนไม่มีเหลือมันเป็นไปไม่ได้ แต่ท่านต้องไปควบคุมสภาพแวดล้อมอย่าให้มี อย่าให้เป็นสิ่งส่งเสริมให้เกิดอบายมุข หรือตัวท่านเองไปสร้างมันขึ้นมา ท่านไปวางแผนร่วมหัวกับเขาไปเปิดบ่อนการพนันเป็นบริษัทจำกัด อย่างนี้ไม่ได้ต้องถูกลงโทษ”   นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ได้กล่าวย้ำถึงนายตำรวจระดับ ผกก.ด้วยว่า   “ผกก.ต้องครองตนให้ดี ให้เป็นที่พึ่ง เป็นศูนย์รวมของจักรวาลนี้ เป็นที่พึ่งของลูกน้อง เป็นที่พึ่งของเพื่อนร่วมงาน  เป็นที่พึ่งของผู้บังคับบัญชา สำคัญที่สุดต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน”

       ในเมื่อทุกภาคส่วน ใส่ใจในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 อย่างเข้มแข็ง​  พร้อมใจกันบูรณาการการทำงานตั้งแต่ นายกรัฐมนตรี กระทรวงสาธาราณสุข ฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ และประชาชน  จึงเชื่อว่าอีกไม่นานจังหวัดชลบุรี-ระยอง จะกลับคืนสู่สภาวะปรกติ

     “ชลบุรี -ระยอง ต้องรอด”