ตำรวจไซเบอร์รวบตัวแก๊งหลอกเทรดทอง มีหมายจับติดตัว 5 หมาย มูลค่าความเสียหายเกือบสิบล้านบาท

           ตามนโยบายการบริหารราชการ ของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ให้ทำการปราบปรามอาชญากรรมอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่สร้างความเสียหายให้กับประชาชนและประเทศ พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รอง ผบช.สอท. รรท.ผบช.สอท. ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 ควบคุมและสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สอท.1 สืบสวนสวนหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

            วันที่ 25 พ.ย.67 เวลาประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.4 บก.สอท. 1 ได้สืบทราบว่า นางอัญชลี (ขอสงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 3312/๒๕๖6 ลงวันที่ 28 กันยายน 2566   ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง, โดยทุจริตหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” มาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ พ.ต.อ.คมสันต์  กันหา ผกก.4 บก.สอท.1 จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บริเวณภายใน ต.สระประดู่ อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายและทำการสืบสวนขยายผลกับคดีที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

            พฤติการณ์การกระทำผิดของผู้ต้องหา จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่าผู้ต้องหามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดโดยเมื่อวันที่ 23 เมษายน 66 คนร้ายใช้บัญชีไลน์ชื่อ “Jung a” ส่งข้อความทางไลน์มาหาผู้เสียหายอ้างว่าสนใจจะซื้อคอนโดฯที่ผู้เสียหายเคยโพสต์ขายไว้ จากนั้นจึงได้มีการพูดคุยกันโดยได้ชักชวนผู้เสียหายลงทุนอ้างว่าเทรดทองคำผ่านแพลตฟอร์ม http://livekcoin.com ซึ่งคนร้ายอ้างว่าตนได้ลงทุนในแพลตฟอร์มดังกล่าวมานานแล้ว มีสำนักงานใหญ่อยู่ต่างประเทศ ผู้เสียหายเกิดความเชื่อถือหลงเชื่อคนร้ายลงทุนกับแพลตฟอร์มดังกล่าวโดยคนร้ายได้สอนผู้เสียหายในการใช้แพลตฟอร์มดังกล่าว การลงทุนจะให้ติดต่อกับฝ่าย customer service ในแพลตฟอร์มดังกล่าว    โดยผู้เสียหายได้โอนเงินลงทุนไปยังบัญชีธนาคารของนางอัญชลี  ซึ่งจะมียอดเงินปรากฎเป็นตัวเลขในแพลตฟอร์ม ต่อมาเมื่อผู้เสียหายเห็นตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็นกำไรต้องการจะถอนเงิน กลับไม่สามารถถอนได้ ผู้เสียหายโอนเงินไปให้คนร้ายทั้งสิ้น เป็นเงินกว่า  8 ล้านบาท

            จากการตรวจสอบยังพบว่า ผู้ต้องหารายนี้ได้มีหมายจับในคดีความผิดประเภทเดียวกันนี้รวมจำนวนทั้งสิ้น 5 หมาย โดยเป็นหมายจับของ บช.สอท. 2 หมาย หมายจับ ของ สภ.ต.บ้านไร่, สภ.ปะทิว ชุมพร และ สภ.เมืองขอนแก่น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *