คันปากอยากเล่า มินนี่เมาธ์ ประมวล-เอมเปีย สงสัยรัฐบาล
คันปากอยากเล่า มินนี่เมาธ์ ประมวล-เอมเปีย สงสัยรัฐบาล
ประการแรกต้องยอมรับความจริงว่า รัฐบาลเสียหลักให้กับการระบาดของเชื้อโควิด-19 รอบที่สาม ประชาชนล้วนถามหาศักยภาพรัฐบาลในการรับมือที่มีประสิทธิภาพ
ล้มเหลวที่หนึ่ง คือการจัดการรับส่ง-ประสานระหว่างภาครัฐกับประชาชน นำมาซึ่งความสูญเสียในชีวิต
แม้ระยะหลังมีความพยายามเซตให้เป็นระบบมากขึ้น แต่ก็ยังคงติดขัดอยู่ ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นแล้ว เพราะนี่คือการระบาดรอบที่สาม!
สมมุติฐานในกรณีเกิดวิกฤติขั้นรุนแรง คนเป็นรัฐบาลต้องมีแผนรองรับอยู่ในหัวตั้งแต่ที่โควิด-19 แพร่เชื้อครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สองแล้ว ไม่ใช่ว่าครั้งที่สามเพิ่งมาจัดแจงแก้ปัญหา
ล้มเหลวที่สองที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ ไม่ทราบว่ารัฐบาลรู้ตัวหรือยัง
ทั้งปัญหาประชาชนกลัวฉีดวัคซีนแล้วตาย ปัญหาการทำความเข้าใจในประสิทธิภาพวัคซีนยี่ห้อต่างๆ อย่างถูกต้อง ซึ่งขณะนี้มีการเปรียบเทียบประสิทธิภาพแต่ละแบรนด์เป็นเปอร์เซ็นต์
ที่สำคัญ ขณะนี้เกิดเป็นไวรัลว่า “รัฐบาลผูกขาดวัคซีน” สังคมเริ่มสงสัยพฤติกรรมการกลับไปกลับมาของรัฐบาล แรกเริ่มมีท่าทีจะให้เอกชนช่วยหา แต่สุดท้ายปฏิเสธความช่วยเหลือ
ล่าสุด ประมวล เอมเปีย หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน และเป็นอดีต ส.ส.ออกมาบอก… “สังคมไทยตั้งคำถามว่า ที่ห้ามภาคเอกชนนำเข้าวัคซีนนั้น นายกฯ กลัวว่าถ้าให้เอกชนนำเข้ามา วัคซีนทางเลือกที่มีประสิทธิภาพดีกว่า ราคาถูกกว่า ทำได้ดีกว่ารัฐบาล รัฐบาลจะเสียหน้า เสียความนิยม นายกฯ จึงเปลี่ยนใจใช่หรือไม่ ชี้ให้เห็นถึงการบริหารแบบรวมศูนย์อำนาจแค่คนไม่กี่คน มากำหนดชีวิตประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
ถ้าเป็นจริงแสดงว่าเอาชีวิตประชาชนมาเป็นตัวประกันหรืออย่างไร เมื่อภาคเอกชนมีศักยภาพ อยากจะช่วยรัฐบาล อยากจะช่วยประชาชนให้รอดชีวิต มาทำมาหากินเพื่อรักษาชีวิตและครอบครัวเขา ทำไมรัฐบาลจึงไม่คิดถึงความปลอดภัยในชีวิต หรือมีอะไรแอบแฝงหรือไม่”
เมื่อเกิดความเคลือบแคลงเช่นนี้ เป็นธรรมดาที่มนุษย์ต้องค้นหาคำตอบ แต่หากทีมงานคุณภาพของรัฐบาลไม่รีบเคลียร์ให้ชัดเจน
อาจเกิดสิ่งที่น่ากลัวคือ การโยงประเด็นรัฐบาลเอื้อประโยชน์ให้นายทุนคนใดคนหนึ่ง จึงกีดกันการให้เอกชนรายอื่นเข้ามาช่วยจัดหา
ถ้าสิ่งที่กล่าวมาไม่ใช่ความจริงก็ขอให้รีบชี้แจงด่วน ก่อนที่ชาวบ้านจะหมดความไว้วางใจ.