งามไส้มหาดไทย“นายกท้องถิ่นชลบุรี” เรียกเก็บค่านักเลงออกใบอนุญาตก่อสร้าง ถูกตร.ปปป.ซ้อนแผนรวบพร้อมนายช่าง(คลิป)
งามไส้มหาดไทย“นายกท้องถิ่นชลบุรี” เรียกเก็บค่านักเลงออกใบอนุญาตก่อสร้าง ถูกตร.ปปป.ซ้อนแผนรวบพร้อมนายช่าง(คลิป)
เรื่องราวของ “นายกท้องถิ่น” คนดัง อ.พานทอง จ.ชลบุรี ถูกตำรวจสอบสวนกลาง ซ้อนแผนจับกุมได้คาหนังคาเขา พร้อมของกลางเงินสด 8 หมื่นบาท หลังจากตัวนายก อบต.มีการเจรจาเรียกเก็บค่าธรรมเนียมนักเลงกับตัวแทน บริษัท ไทยยูวอนอิเล็กทรอนิกส์ จำกัด ที่มาขอใบอนุญาตก่อสร้างดัดแปลงโรงงานในเขตพื้นที่รับผิดชอบ อบต.แห่งหนึ่งใน อ.พานทอง จ.ชลบุรี จำนวน 1 แสนบาท โดยตัวนายก อบต.ได้มีการพูดเจรจากับตัวแทนบริษัทฯ ที่มาขอใบอนุญาตว่าเงิน 1 แสนบาทเป็นค่าธรรมเนียมที่ใครๆ ที่มาขออนุญาต จะต้องจ่ายเงิน เพื่อแลกกับการออกหนังสือรับแจ้งการก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารโรงงาน(ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร) หากไม่ได้ก็ไม่สามารถจะอนุมัติก่อสร้างได้
แม้ว่าผู้เสียหายได้พยายามพูดเจรจากับนายกอบต.และนายช่าง อยู่หลายครั้งเพราะได้ปฏิบัติในการขออนุญาตถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่ตัวนายก อบต. ยังยืนยันว่าจะต้องเสียเงิน แต่จะลดจำนวนเงินจาก 1 แสนบาทให้เหลือ 8 หมื่นบาท โดยมีการอ้างว่าต้องเสียเงินแบบนี้ทุก เคส แต่ผู้เสียหายมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ จึงได้เข้าร้องเรียนกับ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบช.ก. จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง.ผบช.ก. เป็นผู้ควบคุมและอำนวยการปฎิบัติ โดยผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปปป. ว่าถูกนายกอบต.ในพื้นที่ อ.พานทอง จ.ชลบุรี เรียกรับเงินจำนวน 1 แสนบาท แลกกับการออกหนังสือรับแจ้งการก่อสร้างดัดแปลงอาคาร
ต่อมา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.(ผู้บังคับการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ ในฐานะผู้ปฏิบัติการ จึงได้วางแผนการจับกุม นายกอบต.คนดังกล่าวโดยเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.64 เวลาประมาณ 09.00 น.จนท.ตร.ชุดปฎิบัติการบก.ปปป.ได้กระจายกำลังไปซุ่มตามจุดต่าง ๆ ที่ได้วางแผนไว้ ใกล้กับสำนักงานอบต.แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.พานทอง จ.ชลบุรี เพื่อเฝ้าสังเกตุการณ์และรอรับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา โดยจนท.ตร.ได้นัดหมายกับผู้เสียหายและพยานอีกคนหนึ่ง เพื่อวางแผนจับกุมตัวนายกอบต. โดยเมื่อถึงเวลานัดหมาย 09.30 น.จนท.ตร.ได้ตรวจนับเงินสดจำนวน 8 หมื่นบาท ที่ได้ถ่ายเอกสารและลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว บรรจุใส่ซองสีน้ำตาลที่มีการเขียนลงลายมือชื่อของผู้เสียหายไว้ภายในเพื่อเป็นตำหนิ มอบให้ผู้เสียหายและพยานเก็บเอาไว้ จนกระทั่งถึงเวลานัดหมายเวลาประมาณ 10.00 น.ผู้เสียหายได้โทรศัพท์ไปหา นายกอบต.คนดังกล่าว แต่ตัวนายกอบต.บอกว่าจะต้องไปฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ให้ผู้เสียหายนำเงินไปฝากไว้กับนายช่างอบต. ผู้เสียหายจึงได้โทรศัพท์ไปหานายช่างคนดังกล่าว ซึ่งตัวนายช่างอบต.บอกว่า ตัวนายกอบต.ได้โทรมาบอกแล้วให้นำเงิน 8 หมื่นบาทมาฝากไว้ได้เลย
ต่อมาเวลาประมาณ 11.50 น. นายกอบต.ได้เดินทางถึงสำนักงานอบต.ดังกล่าว จนท.ตร.จึงให้ผู้เสียหายและพยานเดินเข้าไปพบนายช่างอบต.ที่ห้องทำงานเพื่อส่งมอบเงินจำนวน 8 หมื่นบาท เพื่อรับใบอนุญาตเนื่องจากนายกอบต.ได้ลงชื่อในเอกสารอนุญาตก่อสร้างให้เรียบร้อยแล้ว ผู้เสียหายจึงได้นำเงินจำนวน 8 หมื่นบาท ออกมานับจำนวนและส่งมอบให้ นายช่างอบต.รับไว้ ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำความผิดชัดแจ้งและครบองค์ประกอบความผิดแล้ว โดยมีนายกอบต.เป็นผู้สั่งการให้ นายช่างอบต.ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นผู้รับเงินแทนจากผู้เสียหายจริง
ผู้บังคับบัญชาจึงได้สั่งให้ตร.ชุดปฎิบัติการที่ซุ่มเฝ้าสังเกตุการณ์ เข้าดำเนินการควบคุมตัวนายกอบต.ภายในห้องทำงานชั้น 2 และควบคุมตัวนายช่างอบต.ในห้องทำงานชั้นล่าง พร้อมกับของกลางเป็นเงินสดจำนวน 8 หมื่นบาท ก่อนจะนำขึ้นมาที่ห้องทำงานของนายกอบต. โดยนายช่างอบต.ยอมรับว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินของผู้เสียหายที่นำมามอบให้ จนท.ตร.จึงได้บันทึกภาพเคลื่อนไหวใช้ประกอบเป็นหลักฐาน หลังจากนั้นได้มีการตรวจสอบธนบัตรของกลาง มีหมายเลขธนบัตรตรงกับที่ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นจึงได้ควบคุมตัว นายกอบต.และนายช่างอบต.พร้อมของกลางนำส่ง พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปปป.เพื่อดำเนินการต่อไป โดยได้แจ้งข้อกล่าวหา “เป็นเจ้าพนักงานร่วมกัน เรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อการกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่ง ผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น โดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่”
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ว่าการอำเภอพานทอง จ.ชลบุรี เพื่อสอบถามเรื่องดังกล่าวกับ นางวิภาวี แดงท่าข้าม นายอำเภอพานทอง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของนายกอบต.ที่ถูกตำรวจปปป.จับกุม แต่นางวิภาวี ไม่อยู่เดินทางไปประชุมที่จังหวัด มีเพียงปลัดฝ่ายปกครองอ.พานทองคนหนึ่ง บอกกับผู้สื่อข่าวว่า อย่าเพิ่งนำเสนอข่าวก่อน ผลตอบรับกลับมาจะเป็นผลที่เสียหาย ให้เขาเอนเตอร์เทนกันก่อน ซึ่งผู้สื่อข่าวก็ไม่เข้าใจความหมาย
มีรายงานว่าการเรียกเก็บค่าธรรมนักเลงในการออกใบอนุญาตก่อสร้างบางพื้นที่ในเขตเทศบาลและอบต.ในจังหวัดชลบุรีนั้นมีมาช้านานแล้ว ตัวนายกเทศมนตรี-นายกอบต.หลายพื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้รับเหมาถมดิน-รับเหมาก่อสร้าง ถ้าผู้ประกอบการโรงงาน หรือหมู่บ้านจัดสรรโครงการใด ไม่ให้งานถมดิน-งานรับเหมาก่อสร้างโรงงาน กับ นายกเทศมนตรี หรือนายกอบต.เจ้าของพื้นที่ได้เข้าไปรับเหมา ตัว “นายก”จะบิดพลิ้วในเรื่องการออกใบอนุญาตทันที โดยเอาชาวบ้านมาเป็นข้ออ้าง บางพื้นที่ถ้าผู้ประกอบการไม่ยินยอม จะมีการว่าจ้างวานชาวบ้านให้มาก่อม็อบประท้วงการก่อสร้างโรงงานในพื้นที่ด้วย ฉะนั้นในการลงสมัครเลือกตั้งนายกเทศมนตรีหรือนายกอบต.บางพื้นที่ในจ.ชลบุรีนั้น ผู้สมัคร“นายกเทศมนตรี -นายกอบต.” บางพื้นที่จึงต้องทุ่มงบจำนวน 10-100 กิโล เตรียมไว้ซื้อเสียงชาวบ้าน เพื่อจะได้เข้ามามีอำนาจบริหารในเทศบาลและอบต. ทำให้“นายกเทศมนตรี-นายกอบต.”บางคนนั่งเก้าอี้นายกมายาวนาน 10-20 ปี มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเป็นหลัก 100-200 ล้าน แต่ก็ไม่ได้มีองค์กรภาครัฐองค์กรใดเข้ามาตรวจสอบในเรื่องความร่ำรวยผิดปรกติของ “นายก”ท้องถิ่นเหล่านี้แต่อย่างใด
ธนา ธรรมวาจา รายงาน