“นายกหนองชาก” ไม่กลัวอิทธิพลมืด ตามทวงคืนโรงกระเทาะเม็ดมะม่วง ที่ถูกนักการเมืองยึดคืนเป็นสาธารณะ
“นายกหนองชาก” ไม่กลัวอิทธิพลมืด ตามทวงคืนโรงกระเทาะเม็ดมะม่วง ที่ถูกนักการเมืองยึดคืนเป็นสาธารณะ
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 24 กรกฎาคม 2564 นายพีระ อุทัยศรี ชาวบ้าน ต.หนองชาก อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ได้พาผู้สื่อข่าวเข้าไปตรวจสอบโรงงานกระเทาะเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ที่ตั้งอยู่บริเวณป่าช้าเก่าบ้านหนองชาก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ดินสาธารณะมีเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ม.3 ต.หนองชาก อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี
โดยนายพีระ กล่าวว่าโรงกระเทาะเม็ดมะม่วงดังกล่าว สร้างขึ้นบนที่ดินสาธารณะประโยชน์ และใช้งบประมาณหลวงมาดำเนินการก่อสร้าง โดยวัตถุประสงค์เพื่อตั้งให้เป็นวิสาหกิจชุมชน โดยให้เกษตรกร-ประชาชนมาร่วมถือหุ้น แต่มีนักการเมืองผู้มีอิทธิพลรายหนึ่งได้ยึดเอาโรงกะเทาะเม็ดมะม่วงไปดำเนินการเป็นธุรกิจส่วนตัว โดยไม่ได้ให้เกษตรกรได้ร่วมถือหุ้น และไม่ได้นำเงินรายได้เข้าเทศบาลต.หนองชาก
ผู้สื่อข่าวพบว่าโรงกระเทาะ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ดังกล่าวนั้นมีสภาพเสื่อมโทรม เนื่องจากถูกปล่อยทิ้งร้าง เหลือเพียงแท่นกระเทาะเปลือกเม็ดมะม่วงจำนวน 4-5 ตัวตั้งวางอยู่ ส่วนโกดังเก็บเม็ดมะม่วงก็ถูกล็อกกุญแจแน่นหนา ในส่วนสำนักงานและบ้านพักคนงานก็มีสภาพเสื่อมโทรม มีเพียงคนเฝ้าได้พักอาศัยอยู่เพียง 1 ห้อง
“นายกยุทธ” นายยงยุทธ สิทธิภานุวงศ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลต.หนองชาก กล่าวว่า ในส่วนของโรงกระเทาะเม็ดมะม่วงนั้นเกิดขึ้นในสมัยเทศบาลมีฐานะเป็น อบต. ได้งบสนับสนุนจากรัฐบาลในเรื่องธุรกิจ SME ประมาณ 1 ล้าน มีการประชุมชาวบ้านและพี่น้องเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ อบต.ว่าจะดำเนินธุรกิจอะไร ก็ได้ข้อสรุปว่าให้ตั้งเป็นโรงงานกระเทาะเม็ดมะม่วงหิมพานต์ โดยวัตถุประสงค์ก็คือให้ทำเป็นวิสาหกิจชุมชนให้เกษตรกรที่ค้าเม็ดมะม่วงและชาวบ้านมีรายได้จากการถือหุ้น
จึงได้นำงบมาก่อสร้างเป็นตัวโรงงานและโกดังเก็บสินค้า รวมถึงสำนักงาน แต่พอดำเนินการเป็นวิสาหกิจชุมชนได้เพียง 1 ปีกว่าๆ มีนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่งซึ่งสนิทกับผู้มีอำนาจ ได้เข้าไปยึดครองโรงกระเทาะเอามาทำเป็นธุรกิจส่วนตัว สท.หนองชาก จึงได้ร้องเรียนไปยังปปช.ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่บุกรุกยึดถือครองโรงงาน และร้องเรียนกับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีอาญากับผู้บุกรุก ผู้สื่อข่าวถามว่าเทศบาลต.หนองชาก จะดำเนินการในสถานที่นี้อย่างไรเพราะปัจจุปันถูกปล่อยทิ้งร้างมีสภาพเสื่อมโทรม
นายยงยุทธ ตอบว่าเทศบาลอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อยึดเอาพื้นที่คืน จุดนี้เดิมพื้นที่ป่าช้าเก่าของชาวหนองชาก เป็นที่ดินสาธารณะ มีเนื้อที่รวมประมาณ 10 ไร่ เบื้องต้นอาจจะสร้างเป็นคอกดูแลหมาจรจัดและศูนย์บรรเทาสาธารณะภัยเทศบาลต.หนองชาก แต่ต้องรอหารือกับสภาเทศบาลอีกครั้ง แต่ยืนยันว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อทวงคืนพื้นที่ให้กลับมาเป็นของประชาชนโดยเร็ว
“สท.จี๊ด” นายวิรัตน์ เนื่องจำนงค์ ประธานสภาเทศบาลต.หนองชาก กล่าวว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยเทศบาลต.หนองชาก มีสถานะเป็น อบต. มีนักการเมืองท้องถิ่นซึ่งอยู่ขั้วอำนาจ เข้าไปยึดครองโรงกระเทาะเม็ดมะม่วงหิมพานต์เอามาประกอบธุรกิจส่วนตัว โดยไม่ได้เป็นไปตามข้อตกลงที่ให้จัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชน ตอนแรกก็เป็นวิสาหกิจชุมชนแต่เป็นได้แค่ 1 ปีกว่าๆ นักการเมืองคนดังกล่าวก็เอาโรงงานมาทำเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง
หลังจากนั้นมีการร้องเรียนเรื่องไปยังปปช. ทางปปช.ก็ได้ส่งเรื่องมาให้นายอำเภอบ้านบึงเพื่อสั่งการไปให้ผู้บริหารเทศบาลต.หนองชาก แจ้งความดำเนินคดีกับผู้บุกรุก นักการเมืองที่บุกรุกก็เลยยกโรงงานให้ญาติตัวเองเข้าไปทำต่อทั้งๆ ที่โรงงานเป็นของหลวง ทางเทศบาลได้ร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.บ้านบึงดำเนินคดีอาญากับผู้บุกรุก และยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดชลบุรีเพื่อเรียกค่าเสียหายจากผู้บุกรุก เรื่องอยู่ระหว่างการดำเนินการของศาล ซึ่งศาลชลบุรี นัดผู้ถูกกล่าวหาไปพบในวันที่ 8 สิงหาคม 2564
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับ “นายกยุทธ”เป็นเพื่อนร่วมรุ่นอัสสัมชัญศรีราชากับ “เสี่ยแป๊ะ”นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา โดย “นายกยุทธ”ได้รับการสนับสนุนจาก “นายกเป้า”นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง แกนนำกลุ่มก้าวหน้าชลบุรี ให้สมัคร นายกเทศบาลต.หนองชาก สามารถพาลูกทีมโค่น “นายกเล็ก”นายบรรเจิด สิงห์โตทอง อดีตนายกเทศบาลต.หนองชาก พร้อมลูกทีมพ่ายแพ้อย่างราบคาบในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 28 มี.ค.64
ธนา ธรรมวาจา / เจียรพรรณ สุรนันท์ รายงาน