ผกก.บ่อทอง เคลียร์กรณีคลิปตำรวจเจรจาเรื่องเงิน ยืนยันเป็นเงินค่าปรับ ไม่ใช่เงินเรียกเก็บส่วย

ผกก.บ่อทอง เคลียร์กรณีคลิปตำรวจเจรจาเรื่องเงิน ยืนยันเป็นเงินค่าปรับ ไม่ใช่เงินเรียกเก็บส่วย

       ความคืบกรณีคลิปนายตำรวจสภ.บ่อมอง​ จ.ชลบุรี​ กำลังเจรจากับผู้ประกอบการพูดคุยต่อลองเรื่องเก็บเงินนายจ้างชาวกัมพูชา​  ผกก.ยืนยันไม่ใช่การเรียกค่าหัวแต่เป็นค่าปรับนายจ้างและแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามา  แต่นายจ้างไม่มีค่าปรับ จึงขอให้ปรับในราคาตั๋วเด็ก

        จากกรณีที่มีคลิปตำรวจกำลังนั่งเจรจาต่อรองเรื่องค่าปรับแรงงานต่างด้าว​  จนมีการแชร์ไปตามโชลเชียล ถึงเรื่องเป็นการเรียกเก็บรายหัวของแรงงานต่างด้าวโดยในคลิปมีนายจ้างประมาณ 3-4 คน ซึ่งคลิปดังกล่าวถูกบันทึกเมื่อ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา

        ต่อมาเมื่อวันที่  12   ธ.ค.  63   พ.ต.อ.กุลชาตกุลชัย​   ผู้กำกับการ​ สภ.บ่อทอง​  เปิดเผยว่า  ตั้งแต่โควิด 19 เข้ามารอบ 2 ทางรัฐบาลก็ได้สั่งเข้มงวดเรื่องแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองตั้งแต่เดือนตุลาคม เพราะเป็นช่วงประเทศเพื่อนบ้านระบาดเชื้อไวรัส โควิด 19 และสั่งปิดด่านช่องทางธรรมชาติทำให้มีการลักลอบเข้าอย่างต่อเนื่อง   จึงได้สั่งการออกตรวจตราและตรวจสอบตามไร่สวนยางพารา จนกระทั่งพบกลุ่มแรงงานต่างด้าว จำนวน 6 คนจึงได้ทำการจับตัวมาที่สถานีตำรวจภูธรบ่อทอง แล้วเรียกนายจ้างมาเพื่อรับทราบข้อกล่าวโดยตั้งข้อหาตาม พรบ.คนเข้าเมือง ปี พ.ศ.2522 มาตรา 37และ 38 คือปรับ 5,000 บาทและตัวผู้หลบหนีเข้าเมืองอีก 5,000 บาท  นายจ้างต้องจ่ายรวมเป็น 10,000 บาทต่อคน   แต่วันนั้นตรวจสอบพบว่า ถูกกฎหมายเอกสารถูกต้อง 2 คน ส่วนอีก 4 คนไม่ได้แจ้งที่พักอาศัย ตามมาตรา 37(3)(4) จึงชี้แจงว่าจะปรับ 40,000 บาทหรือ 50,000 บาทที่ให้ที่พักพิงคือโทษ จำคุก 2 ปีหรือปรับ 50,000 บาท เพราะต้องชี้แจงให้ทางนายจ้างทราบ  นายจ้างก็ยอมรับสารภาพจึงขอใช้ตั๋วเด็ก คือจากปรับหัวละ 5,000 บาทก็คือเหลือหัวละ 1,000 บาทได้ตามกฎหมายเพราะมอบตัวปรับ 4 คนจำนวน 4,000 บาทและมีเอกสารใบเสร็จยืนยันมีเลขคดีเรียบร้อยตามกฎหมายทุกขั้นตอน

        ทางด้านนายมานพ แซ่เฮ้ง หรือช่างเล็ก อายุ 64 ปีที่อยู่ในคลิปฝั่งซ้ายใส่เสื้อลายสก๊อตที่นั่งอยู่หน้าตำรวจ ซึ่งเป็นนายจ้างที่ถูกตำรวจจับลูกน้องชาวกัมพูชา ได้เปิดเผยว่าในระหว่างที่ตำรวจกำลังชี้แจงข้อกฎหมายให้ฟังและเรื่องค่าปรับตามอัตตราโทษ    ตนก็ได้นั่งฟังและยอมรับสารภาพโดยลูกจ้างอีก 4 คนไม่มีเอกสาร   จึงถูกจับ​  แต่ตนก็ขอต่อรองใช้ตั๋วเด็กตามชื่อเรียกเพื่อให้ได้มีโทษปรับที่น้อยลงจากปรับราคาเต็มคือตนก็มีสิทธิ์ขอได้ตามกฎหมาย   เพราะว่ามอบตัวและสารภาพจึงได้ลดย่อนจากปกติปรับเต็มตามมาตรา 38 คนละ 5,000 บาทรสมทบนายจ้างก็เป็น 40,000 บาทก็เหลือเพียงคนละ 1,000 บาท มาตรา 37(3) และยังมีใบเสร็จรับเงินค่าปรับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติลงวันที่ 17 พ.ย.2563 ตามกฎหมายทุกขั้นตอนและในคลิปที่มีการแชร์กันเรื่องเรียกเคลียร์หรือเก็บส่วยตนก็ยืนยันว่าไม่เป็นความจริงเพราะตนคือนายจ้างที่มาจ่ายค่าปรับในวันนั้นและเป็นผู้ที่อยู่ในคลิปด้วยและตนก็ไม่รู้ว่าคนถ่ายคลิปต้องการอะไรแล้วก็ไม่ได้เป็นอย่างที่แชร์กันอีกด้วย

อำนาจ  ลลิตลาวัณย์  รายงาน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *