ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ยกฟ้อง คดี “อดีตรองนายกเสม็ด “ฟ้องหมื่นประมาท “นายกเสม็ด”พร้อม สื่อฯ เตรียมยื่นฟ้องกลับ
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 ที่สำนักงานเทศบาลตำบลเสม็ด ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี ได้มีข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง เทศบาลตำบลเสม็ด รวมทั้งผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ เดินทางมาร่วมอวยพร “นายกเบ็ญ” นางเบ็ญจวรรณ์ สุวานิช นายกเทศมนตรี เทศบาลต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี เนื่องจากครบรอบวันคล้ายวันเกิด โดยมีการนำดอกไม้ กระเช้าดอกไม้ และกระเช้าของขวัญมา อวยพร อีกทั้งยังมาให้กำลังใจ “นายกเบ็ญ” กรณีที่ อดีตรองนายกเทศมนตรีตำบลเสม็ด ได้มีการร้องเรียน หน่วยงานของรัฐ เกี่ยวการปฏิบัติหน้าที่ของ “นายกเบ็ญ” ในฐานะ นายกเทศมนตรีตำบลเสม็ด จำนวนหลายเรื่อง
นอกจากนี้ อดีตรองนายกเทศมนตรี ยังเป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดชลบุรี กล่าวหา “นายกเบ็ญ”และสื่อมวลชน “หมิ่นประมาท” โดยมีนางเบ็ญจวรรณ์ สุวานิชย์ นายกเทศมนตรีตำบลเสม็ด นายณภัทร์ ขุนนากลัด นายพลสิทธิ์ – เจ้าของเพจท้องถิ่นชลออนไลน์ ตกเป็นจำเลยร่วม โดยศาลชั้นต้นพิจารณายกฟ้อง
ต่อมา “อดีตรองนายกฯ” ได้มีการอุทธรณ์ ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 และได้มีการพิจารณา อ่านคำพิพากษายกฟ้อง ยืนตามศาลชั้นต้น อีกเช่นกัน เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา
นางเบญจวรรณ์ สุวานิชย์ นายณภัทร์ ขุนนากลัด นายพลสิทธิ์ จึงได้ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวการ ถูกฟ้องหมิ่นประมาทและศาลได้มีการพิพากษายกพ้อง
คดีเริ่มต้นมาจากตนเองได้รับเอกสารให้ทางเทศบาลตาบลเสม็ดหักภาษี อดีตรอง นายกเทศมนตรีตำาบลเสม็ด ฝ่ายโยธา จากกรมบังคับคดี ซึ่งมีทั้งร้านค้าและบ้านที่อยู่อาศัยจากการขาย ทอดตลาด ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวของอดีตรองนายกเทศมนตรีฝ่ายโยธา ส่อไปในทางมีหนี้สินล้นพ้นตัว เกรงว่าจะเกิดความเสียหายให้กับเทศบาล จึงได้มีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งรองนายกเทศมนตรี ฝ่ายโยธา ประกอบกับจะทำให้ประชาชนในพื้นที่เทศบาลตำบลเสม็ด ขาดความเชื่อมั่นในการบริหารงานของเทศบาลต.เสม็ด ที่ประชาชนไว้วางใจ และเลือกให้ตนเข้ามาบริหารงาน
ภายหลังจากปลดอดีตรองนายกเทศมนตรีฝ่ายโยธาไปแล้ว ปรากฏว่าได้มีคนในครอบครัวเขียนข้อความ โพสต์ลงในโลกโซเชียล กล่าวหาว่ากลั่นแกล้ง และยังมีการข่มขู่สาปแข่งต่างๆ นานา และได้เก็บหลักฐานไว้ ต่อมาจึงได้ให้สัมภาษณ์กับเพจท้องถิ่นชลออนไลน์ เพื่อชี้แจง ข้อเท็จจริงกับสังคมในเหตุการปลด รองนายกเทศมนตรีฯ ในครั้งนั้น เนื่องจากเป็นบุคคล หนี้สินล้นพ้นตัว ทําให้เกิดความไม่พอใจ และได้มีการฟ้องร้องเป็นคดีความขึ้นมาดังกล่าว ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จึงมีคำพิพากษาว่า จำเลยทั้ง 3 คน ไม่มีความผิดและได้ ยกฟ้อง เพราะไม่ได้มีเจตนาในการกลั่นแกล้งโจทก์ แต่อย่างใด
ซึ่งในเรื่องนี้เห็นว่าการกระทำของ อดีตรองนายกเทศมนตรี มีเจตนาพยายามกล่าวให้ร้าย ตนเองมาตลอด และทำให้ตนเองเกิดความเครียดและวิตกกังวลใจมาตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่ มีการยื่นฟ้อง ศาลจังหวัดชลบุรี จึงสินใจจะตั้งทนายความฟ้องกลับ “อดีตรองนายก” ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา เพื่อให้ศาลจังหวัดชลบุรี มีคำพิพากษาลงโทษ