เส้นทาง ขวากหนาม “รองโจ๊ก หวานเจี๊ยบ” สู่เก้าอี้ ผบ.ตร.คนที่ 14

      การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ( ผบ.ตร.) คนที่ 14 เพื่อทดแทน “บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.คนที่ 13  ที่ครบเกษียณอายุราชการ 60 ปี ในวันที่ 30 ก.ย.66

      ในแวดวงยุทธจักรสีกากี  มีการคาดการณ์กันว่าเก้าอี้ ผบ.ตร.คนที่ 14 จะมีการพิจารณาแต่งตั้ง เสร็จสิ้นภายในช่วงเดือน สิงหาคม 2566

        ยังตอบไม่ได้ว่า “ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คนปัจจุปัน ที่มีบทบาทในฐานะ ประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) และประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) จะอยู่ถึงในวันที่มีการ คัดสรร ผบ.ตร.คนที่ 14 หรือไม่ หรือจะเป็นอำนาจหน้าที่ของ นายกรัฐมนตรี คนใหม่ ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นใคร

        นายตำรวจระดับ รอง.ผบ.ตร. ที่มีคุณสมบัติครบตามหลักเกณฑ์ ที่จะได้รับการพิจารณาการแต่งตั้งให้เป็น ผบ.ตร.คนใหม่ เหลือแค่ 4 นาย เนื่องจาก พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง.ผบ.ตร. เกษียณอายุราชการ

          ไล่ตามลำดับอาวุโส รอง.ผบ.ตร. 
1. “รองรอย” พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์  รอง.ผบ.ตร.
2.”รองโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง.ผบ.ตร.
3. “รองต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง.ผบ.ตร.
และคนสุดท้าย “รองต่อ”พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง.ผบ.ตร. ซึ่งนายตำรวจระดับ รอง.ผบ.ตร. ที่จะได้รับการพิจารณาแต่งตั้งให้เป็น ผบ.ตร.จะเป็นใครไม่ได้ นอกจาก นายพลตำรวจ 4 นายนี้

          สื่อสารมวลชน ต่างมีการวิเคราะห์สถานการณ์รอบด้าน ในผลงานในการปราบปรามอาชญากรรม การดูแลความมั่นคง ต่างมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า เก้าอี้ ผบ.ตร.คนที่ 14  น่าจะเป็นการชิงดำระหว่าง คู่แคนดิเดต“รองโจ๊ก”กับ “รองต่อ”

       เพราะในช่วงหลัง “รองโจ๊ก”กับ “รองต่อ” ต่างไฟท์งานในด้านการปราบปรามอาชญากรรม บ่อนพนันออนไลน์ จีนเทา แบบชนิดผลงานเข้าตาประชาชน

       โดยเฉพาะ “รองโจ๊ก หวานเจี๊ยบ” ในช่วงตีนปลาย ถูก“บิ๊กเด่น”พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ เลือกใช้แต่งตั้งให้มาเป็นหัวหน้าทีมสืบสวน สอบสวน คลี่คลายคดีตบทรัพย์เจ้าของเวปพนันออนไลน์มูลค่า 140 ล้าน  เป็นที่มาของวลีเด็ด “เป้รักผู้การเท่าไร” ดังกระฉ่อนไปทั่วประเทศ

    แต่การทำงานของ “รองโจ๊ก หวานเจี๊ยบ” ก็ยังถูกสังคมตั้งข้อสงสัยไว้หลายประเด็น  ไม่ว่าจะเป็นเงินสินบน 140 ล้าน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการออกมาแถลงกับสื่อมวลชนว่าเงินจำนวนมหาศาล อยู่ที่ไหน อย่างไร อีกทั้งคนในขบวนการที่ให้ยืมเงินประกอบธุรกิจอะไร และสาบสูญหายไปไหน  จะเป็นการทำผิดกฎหมายอุ้มหายหรือไม่

        ล่าสุดก็มีการตั้งข้อสังเกตุในเรื่องคดีที่ “รองโจ๊ก หวานเจี๊ยบ” ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่ รถยนต์ส่วนตัว ยี่ห้อ เล็กซัส สีขาว ทะเบียน 9 กจ. 351 บริเวณข้างประตูคนขับ และคนนั่ง จำนวน 7 นัด  เมื่อเวลา 21.40 น.วันที่ 6 ม.ค.63 เหตุเกิดพื้นที่ สน.บางรัก ในช่วงที่ “รองโจ๊ก”ถูกย้ายไปเป็น ที่ปรึกษาพิเศษนายกรัฐมนตรี  จนถึงวันนี้เหตุการณ์ผ่านไป 3 ปีกว่า ๆ “รองโจ๊ก” ก็ยังไม่สามารถติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุยิงรถตัวเองได้

        ทั้งที่ “รองโจ๊ก” ได้กลับมารับราชการตำรวจ เลื่อนตำแหน่งเป็น ผช.ผบ.ตร. ในสมัย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เป็น ผบ.ตร. ก่อนได้ก้าวขึ้นเป็น  รอง.ผบ.ตร. และกำลังจะได้ขึ้นทำเนียบเป็น ผบ.ตร.คนที่ 14 ทำหน้าที่ดูแลข้าราชการตำรวจทั่วประเทศจำนวน 3 แสนนาย

        เรื่องยิงรถ “รองโจ๊ก” ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ทุกคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย  แต่ถ้ามองอีกมุม มันอาจจะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เพราะนายตำรวจที่จะก้าวขึ้นเป็น ผบ.ตร.คนที่ 14 ถูกคนร้ายเอาปืนยิงรถแล้วติดตามจับกุมไม่ได้ มันจะกลายเป็นข้อครหาที่ติดตัวตลอดไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *